โสม เป็นพืชสมุนไพรโบราณ มีหลากหลายสายพันธุ์แตกต่างกันไปตามแต่สถานที่เพาะปลูก เช่น โสมจีน โสมเกาหลี และโสมอเมริกา แรกเริ่มเดิมทีนั้นการใช้โสมถูกบันทึกไว้ในตำรับยาแพทย์แผนจีนหลายพันปีก่อน เชื่อกันว่าโสมในยุคแรกที่มีการนำมาใช้คือโสมป่า ที่ขุดได้จากทางตอนเหนือของจีน มีรูปร่างของรากคล้ายกับคน(หยิ่งเซียม) และมีการใช้โสมแพร่หลายออกไปยังเกาหลี โสมเกาหลี(โสมกอรียอ) และอีกหลากสายพันธุ์จากฝั่งอเมริกา ในสมัยก่อนโสมนั้นมีราคาแพงมาก เนื่องจากโสมป่านั้นเป็นของหายาก ชนิดของโสม เรานิยมนำโสมมาใช้เฉพาะส่วนของรากที่อยู่ลงไปใต้ดิน โสมอายุ 6 ปีจะเป็นโสมที่ถือว่ามีตัวยาสำคัญมากที่สุด โดยโสมแบ่งได้ 2 ชนิด คือ โสมขาว คือโสมสดที่ขุดขึ้นมาจากดิน ล้างทำความสะอาด สามารถนำไปใช้ได้ทันที อาจนำไปตากแห้งให้น้ำระเหยออกไปเพื่อให้เก็บรักษาไว้ใช้ได้นานขึ้น ใช้เป็นส่วนผสมของยาจีนและทำอาหารได้ โสมแดง คือโสมขาวที่นำไปผ่านวิธีการอบ เพื่อให้มีสรรพคุณทางยามากขึ้น ลักษณะของรากจะเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอมแดง และมีความชื้นเล็กน้อย โสมแดงนี้ถือว่ามีคุณค่าทางยามากที่สุดและราคาแพง ส่วนโสมในปัจจุบันที่ใช้กันโดยทั่วไปนั้น จะเป็นผลิตภัณฑ์แปรรูปที่ได้จากการนำโสมแดงและโสมขาวมาทำ เช่น โสมสกัด โสมเม็ด โสมผง หรือใช้เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง ประโยชน์ของโสม ช่วยปรับสภาพร่างกายและจิตใจให้ทนต่อภาวะต่างๆ ได้มากขึ้น ลดความเครียด ลดความเมื่อยล้า ช่วยให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรงมากขึ้น นอกเหนือจากสรรพคุณที่ได้กล่าวมาแล้วยังมีรายงานผลการวิจัยของโสมเพิ่มเติมอีกดังต่อไปนี้ - กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง โดยการสร้างสาร Interferon ซึ่งเป็นสารต้านเชื้อไวรัส และกระตุ้นการสร้างโปรตีน Interleukin- 1 - โสมมีส่วนช่วยเพิ่มการสร้างพลังงาน ทำให้นักกีฬามีความทนทานต่อการออกกำลังหนักได้ดีขึ้น และทำให้สามารถนำพาออกซิเจนไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น - ช่วยบรรเทาอาการร้อนวูบวาบในหญิงวัยหมดประจำเดือนหรืออาการวัยทอง - ลดการหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความเครียดจากต่อมหมวกไต - ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ - ช่วยฟื้นฟูและเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศ อาจถือได้ว่าเป็นไวอะกร้าธรรมชาติ - ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเป็นปกติ - ลดระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับมาตรฐาน - ลดอาการข้างเคียงจากการฉายรังสี
ตังถั่งเช่า หรือ ถั่งเช่า เป็นยาบำรุงร่างกายชั้นยอด ที่ได้จากการผสมผสานกันระหว่างตัวหนอนและเห็ดตังถั่งเช่า หรือ ตังถั่งแห่เช่า แปลว่า "ฤดูหนาวเป็นหนอน ฤดูร้อนเป็นหญ้า"
มีรสหวาน ฤทธิ์ไม่ร้อน เข้าเส้นลมปราณไต บำรุงไต เสริมภูมิคุ้มกัน และพลังชีวิต แก้อาการอ่อนเพลีย ภูมิแพ้ แก้ไอ ละลายเสมหะ หอบหืด ไอเรื้อรัง อาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เข่าอ่อน เอวอ่อน ทำให้แก่ช้า และเป็นยาบำรุงสำหรับผู้ป่วยฟื้นไข้
การทดลองทางการแพทย์ยังพบว่า สารสกัดจากตังถั่งเช่า มีฤทธิ์ขยายหลอดเลือด กระตุ้นสมรรถภาพการทำงานของต่อมหมวกไต เพิ่มภูมิต้านทานให้กับผู้ป่วยโรคไต ช่วยลดจำนวนครั้งของการฟอกไต สมานแผลจากเบาหวาน ช่วยลดการโตของเนื้องอกและเซลล์มะเร็ง
เขากวางอ่อน ได้รับการยอมรับมาเป็นพันปีว่า สามารถบำรุงสุขภาพให้แข็งแรง มีฮอร์โมนที่ช่วยให้มนุษย์แก่ช้า ทำให้อายุยืน ตลอดจนสามารถบรรเทาโรคบางชนิดได้ และช่วยลดอาการต่างๆ ได้ เช่น ความดันโลหิตผิดปรกติ, ปวดหลังปวดเอว, อ่อนเพลีย โรคหอบหืด, อาการบวม, โรคไขข้ออักเสบ, กามตายด้าน, ลดอาหารชาที่มือและเท้า ฯลฯ รายละเอียดสรรพคุณของเขากวางอ่อน ชาวเอเชียเชื้อสายจีนเชื่อว่าเขากวางอ่อนช่วย ในการบำรุงร่างกายและจัดเป็นยาอายุวัฒนะ ทั้งยังมีการระบุว่าเขากวางอ่อนสามารถช่วยรักษาอาการป่วยต่างๆเช่น การบำรุงไต ลดอาการบวมช้ำ อ่อนเพลีย อาการปัสสาวะผิดปกติ และทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นปัจจุบันนี้มีการบริโภคเขากวางอ่อนในเชิงการแพทย์และเป็นอาหารเสริมร่วมกับสมุนไพรตัวอื่นๆ เขากวางอ่อนอุดมด้วยแร่ธาตุ วิตามิน แคลเซียม ฮอร์โมน กรดที่จำเป็นต่อร่างกายมากมาย ประโยชน์ที่ได้รับจากเขากวางอ่อน เพิ่มและเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศของเพศชาย กระตุ้นให้เลือดไปหล่อเลี้ยงอวัยวะเพศชายได้ดีขึ้น ทำให้อวัยวะเพศแข็งตัว ช่วยชะลอความแก่ ลบริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า รอยกระ ฝ้า ป้องกันโรคความดัน เบาหวาน หอบหืด ลดความเครียด ไขข้ออักเสบ ลดอาการปวดประจำเดือนอีกด้วย ช่วยทำให้สุขภาพดีร่างกายแข็งแรง ช่วยทำให้ปริมาณแคลเซียมในกระดูกเพิ่มขึ้นบำรุงสมอง บำรุงเลือดบำรุงกระดูกและบรรเทาอาการของภาวะกระดูกผุได้ ลดอาการปวดอักเสบของกล้ามเนื้อ เส้นเอ็น ลดอาการปวดไหล่ ปวดเมื่อยตามตัว ลดเส้นเลือดโปร่งที่ขาหรือข้อเข่า ช่วยในระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายดีขึ้น
ตังกุย ในตำรับยาสมุนไพรจีน ตังกุย เป็นสมุนไพรที่รู้จักกันดี และนิยมใช้กันอย่างมาก เช่นเดียวกับโสม ถั่งเฉ้า และเห็ดหลินจือ เป็นสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม รสหวานออกขมเล็กน้อย จัดอยู่ในกลุ่มสมุนไพรที่มีรสอุ่นกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิต บำรุงโลหิต ช่วยให้ประจำเดือนมาเป็นปกติ และแก้ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว และ ช่วยทำให้ลำไส้ชุ่มชื่น ทำให้ขับถ่ายได้ง่าย ตามตำราจีนกล่าวว่า ตังกุยเหมาะที่จะใช้รักษามะเร็งในผู้หญิง ไม่ว่าจะเป็นมะเร็งปากมดลูก มะเร็งรังไข่ มะเร็งเต้านม หรือจะเป็นมะเร็งตับ ลูคิเมีย มะเร็งต่อมน้ำเหลือง จากผลการวิจัยทางคลินิกทั้งที่จีน ญี่ปุ่น และเยอรมัน สรุปได้ผลตรงกันว่าสารที่พบในตังกุยมีฤทธิ์สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตและ ทำลายเซลล์มะเร็งได้ถึง 50-70% ตังกุย มีสรรพคุณ ช่วยบำรุง เลือด ช่วยให้เจริญอาหาร ทำให้ผิวพรรณมีน้ำมีนวล กินเพื่อบำรุงเลือดและกระตุ้น ให้อยากอาหาร สำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาเรื่องประจำเดือนมาไม่ปกติ หรือ คนที่ผอมแห้งแรงน้อย เบื่ออาหาร โลหิตจาง หน้าซีด ตังกุยก็ช่วยได้เหมือนกัน ตังกุย จึงเป็นสมุนไพรที่เหมาะกับสุภาพสตรีที่มีปัญหาเรื่องฮอร์โมน หรือ ประจำเดือนที่มาไม่เป็นปกติ หรือ มีอาการปวดท้องประจำเดือน และ ในสตรีสูงวัยก็ช่วยให้สุขภาพดีขึ้นเช่นกัน โดย ใช้รักษาสมดุลของฮอร์โมนต่างๆในร่างกายรวมไปถึงฮอร์โมนเพศหญิง เอสโตรเจนด้วย ด้วย บรรเทาอาการปวดเกร็ง หรือเลือดออกอย่างผิดปกติในสตรีระยะมีประจำเดือน ตังกุย ยังช่วยลดอัตราเสี่ยงในการเกิดความผิดปกติในระบบทางเดินปัสสาวะ ระบบหลอดเลือดและหัวใจ โดยรักษาสมดุลของการไหลเวียนโลหิต ในผู้หญิง และ ทำให้เลือดไปเลี้ยงผิวพรรณมากขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากการไหลเวียน ที่ดีขึ้น ช่วยบรรเทาอาการต่างๆ จากภาวะการหมดประจำเดือน สำหรับ การรักษาอาการหลังหมดประจำเดือน มีการทดลองใช้ตังกุย ร่วมกับตัวยาอื่นอีก 5 ชนิด ในคนไข้ พบว่าส่วนใหญ่มีอาการดีขึ้น คือ อาการร้อนวูบ มึนงง ตาพร่า และอาการไม่สบายในช่องท้องจะลดลงประมาณ 70% ปัจจุบัน วงการแพทย์ตะวันตกต่างหันมาสนใจ ให้ความสนใจต่อสมุนไพรมากขึ้น และยังคงมีการวิจัยศึกษา หาคุณประโยชน์ของสมุนไพรกันอย่างกว้างขวางและจริงจัง เพื่อค้นหาความลับในการรักษาและบำบัดโรคภัยต่างๆ รวมทั้งเคล็ดลับในการบำรุงสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อการมีชีวิตที่ยืนยาว และมีสุขภาพดียิ่งขึ้น
เก๋ากี้ เป็นผลไม้ชนิดหนึ่งตระกูลเบอร์รีสีแดงมีลักษณะเป็นเมล็ดเล็กๆ ที่นิยมรับประทานในหมู่ชาวจีน ผลที่สุกแล้วจะมีสีแดงเหมือนเลือด จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า "ฮ่วยกี้" เป็นยาบำรุงชั้นดี มีฤทธิ์ปานกลาง รสหวาน เก๋ากี้ที่ดีต้องมีเม็ดใหญ่ สีแดง เนื้อหนา อ่อนนิ่ม รสหวาน การเก็บรักษา ควรเก็บไว้ในที่แห้ง อย่าให้ชื้น จะทำให้เสื่อมคุณภาพ หรือขึ้นรา ส่วนมากเรารู้จักเก๋ากี้ในเชิงสมุนไพรสำหรับประกอบอาหารเสียมากกว่า ส่วนที่ใช้ เมล็ด ราก ก้านใบ และใบอ่อน ส่วนที่ใช้กันมากคือเมล็ด สารสำคัญที่พบ กรดอะมิโน 18 ชนิด แร่ธาตุที่สำคัญได้แก่ สังกะสี,เหล็ก,ทองแดง,แคลเซียม,เจอมันเนียม, เซเรเนียม และฟอสฟอรัส มีโปรตีนมากกว่าโฮลวีต มีวิตามิน ซี เอ และบี 2 มีแอนติอ็อกซิแดนต์คาโรตีนอยด์ จำนวนมากเช่น ไทอามีน เบต้าแคโรทีนและซีซานทีน มีพอลิแซ็กคาไรด์ 22 ชนิด โดยมี 4 ชนิดที่ช่วยเสริมระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายได้ ซึ่งทำหน้าที่เหมือนโมเลกุลหลักในร่างกาย เมื่อเกิดการทำงานร่วมกันแล้วจะทำหน้าที่เป็นตัวควบคุมและนำพาคำสั่งต่างๆ ซึ่งเซลล์ของร่างกายใช้ในการติดต่อสื่อสารถึงกัน ผลลัพธ์คือระบบการทำงานของร่างกายจะสมบูรณ์ขึ้นและร่างกายใช้เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอเป็นประจำ เพื่อสุขภาพที่ดีมีอายุยืนยาว สรรพคุณ แก้ไอ วิงเวียนศรีษะ ยาบำรุงร่างกายให้แข็งแรง แก้อาการอ่อนเพลีย บำรุงไต ปอด เลือด ตับ และสายตา เพิ่มความสามารถในการมองเห็น แก้โรคไตพร่อง ช่วยดูแลเรื่องผิวพรรณ ชะลอความชรา ลดน้ำหนัก เพิ่มภูมิคุ้มกันโรค ช่วยต่อต้านมะเร็งและสามารถหยุดการเติบโตของเซลล์มะเร็ง ลดระดับคอเลสเตอรอลและระดับน้ำตาลในเลือดผู้เป็นเบาหวาน ลดความดันโลหิต ยับยั้งการเกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือด ช่วยให้หัวใจแข็งแรง ช่วยสร้างเม็ดเลือด ปรับปรุงเซลล์เม็ดเลือดขาว เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ ช่วยระบบเจริญพันธุ์ ป้องกันอาการคลื่นไส้ของหญิงมีครรภ์ ลดอาการอักเสบและโรคไขข้ออักเสบ เพิ่มความแข็งแรงให้กล้ามเนื้อ ปรับปรุงระบบการย่อย ป้องกันโรคภูมิแพ้ ลดความเครียด อาการปวดศีรษะ ช่วยในการนอนหลับ ช่วยในเรื่องความจำ ทำให้รู้สึกสดชื่น ในยุคนี้ มีเทคโนโลยีและนวัตกรรม ใหม่ๆ สามารถเปลี่ยนเก๋ากี้ ให้กลายมาเป็นน้ำผลไม้สกัดเข้มข้น รสชาติอร่อย กลายเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมที่อยู่ในรูปน้ำผลไม้เสริมสร้างและบำรุงสุขภาพ
กระเพาะปลา 鱼鳔 หวี เปี้ยว หรือหื่อเผีย ในภาษาจีน โดยแท้จริงแล้วไม่ใช่กระเพาะของปลา หากแต่เป็น อวัยวะในส่วนถุงลมที่ใช้ในการลอยตัวของปลา แพทย์จีนแต่โบราณใช้บำรุงเลือด โดยให้ฉายากระเพาะปลาว่า “โสมแห่งท้องทะเล” กระเพาะปลา เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่คุณค่าเพิ่มขึ้นตามกาลเวลาที่เก็บรักษา ยิ่งเป็นกระเพาะปลาเก่า ยิ่งมีคุณค่า ทั้งนี้เพราะ กระเพาะปลาเก่า จะมีคอเลสเตอรอลน้อย ในขณะที่ฤทธิ์ยากลับมีความเข้มข้นมากยิ่งขึ้น เราจึงเห็นชาวจีนเมื่อจะบริโภคกระเพาะปลา จึงมักจะเรียกหาอย่างเจาะจงถึงกระเพาะปลาเก่า ในอดีตชาวจีนจะนิยมซื้อกระเพาะปลาแขวนเก็บไว้ในบ้าน เพื่อที่จะใช้เป็นยาบำรุงหลังคลอดบุตรให้กับลูกสะใภ้ เพื่อช่วยสร้างเลือดทดแทนเลือดที่เสียไปในระหว่างคลอดบุตร เพื่อให้ฟื้นตัวกลับมาได้โดยเร็ว ไม่มีอาการเลือดพร่อง อันจะนำไปสู่การที่พลังพร่อง และลามไปสู่การเสื่อมของระบบอื่นๆของร่างกายต่อไป กระเพาะปลาเพื่อการบำรุงเลือดนี้ แตกต่างจากกระเพาะปลาน้ำแดงที่มีขายตามร้านอาหาร ทั้งนี้เพราะเราจะถนอมสรรพคุณของกระเพาะปลาเพื่อการบำรุง เราจึงไม่นำไปทอด หรือต้มทิ้งน้ำเพื่อลดความคาว ซึ่งจะเป็นการทิ้งสรรพคุณไปด้วย ดังนั้น กระเพาะปลาที่ใช้เป็นยาบำรุงเลือดชั้นดีนี้ จึงมีความคาว กลิ่นฉุน มากกว่ากระเพาะปลาน้ำแดงที่สามารถนำไปทอด เพื่อทิ้งกลิ่นและสรรพคุณไปพร้อมๆกัน ตำราแพทย์แผนจีนกล่าวว่า กระเพาะปลามีรสเค็ม ฤทธิ์กลาง ออกฤทธิ์ตามเส้นลมปราณของไต มีสรรพคุณสรรพคุณ บำรุงข้อต่อ ห้ามเลือด ลดบวม บำรุงไต เพิ่มสารจำเป็น”จิง” บำรุงกล้ามเนื้อและข้อต่อ, ห้ามเลือด, กระจายเลือดคั่ง, ช่วยให้ไตทำหน้าที่ควบคุมการกักเก็บและระบายสารจำเป็น”จิง” , แก้กล้ามเนื้อกระตุกหลังคลอด, เลือดออกทางช่องคลอดหลังช่วงประจำเดือน, บาดแผล, ริดสีดวงทวาร ช่วยสร้างเลือด จึงเหมาะสำหรับผู้ที่เลือดพร่อง เช่นสตรีหลังคลอด และผู้สูงอายุที่เลือดไม่บริบูรณ์ เนื่องจากกระเพาะปลามีความหนืด จึงทำให้ย่อยยาก อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด ในการตุ๋นกระเพาะปลา จึงมักจะใส่เปลือกส้มเล็กน้อยลงไปตุ๋นร่วมด้วย เพื่อลดอาการท้องอืดที่อาจจะเกิดขึ้น การตุ๋นโดยใช้ระยะเวลานานๆ นอกจากจะทำให้สรรพคุณของสมุนไพรออกมาที่น้ำมากขึ้นแล้ว ยังทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมยาที่ตุ๋นด้วยระยะเวลานานได้ง่าย